คติสอนใจ : การลงมือช่วยย่อมดีกว่าคำพูดแสดงความเห็นใจ
ทุก ๆ วัน ลูกกวาดมักจะชวนเพื่อน ๆ มานั่งล้อมวงฟังนิทานเคล้าเสียงคลื่นที่ริมหาด เด็ก ๆ ทุกคนรักลูกกวาดเช่นเดียวกับที่ลูกกวาดรักพวกเขา รอบวงนิทานจึงเต็มไปด้วยความฝันที่แสนสุข จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง ลูกกวาดจำต้องลาจากเพื่อน ๆ เพื่อตามคุณพ่อคุณแม่เข้าไปอยู่ในตัวเมือง ความสุขรอบวงนิทานจึงสิ้นสุดลงพร้อม ๆ กับหยาดน้ำตาของเด็ก ๆ ที่เอ่อล้นออกมาด้วยความอาลัยรัก
วันหนึ่ง ลูกกวาดแล่นเรือข้ามมหาสมุทรมาเทียบท่าที่ชายหาดของดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งเธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อสาวน้อยขึ้นฝั่ง เธอมองเห็นปราสาทหลังเล็ก ๆ พร้อมกับสวนดอกไม้แสนสวยที่ดูคล้ายกับภาพที่เธอเคยวาดเอาไว้ในอดีต ลูกกวาดก้าวตรงไปยังปราสาทที่อยู่เบื้องหน้าราวกับต้องมนตร์สะกด
เจ้าหญิงองค์ที่สามทรงขอพบเจ้าชายที่สถานพยาบาลของผู้ยากไร้ เจ้าหญิงทรงเป็นอาสาสมัครของสถานพยาบาลแห่งนี้มาหลายปีแล้ว ระหว่างที่เจ้าหญิงทรงงานอยู่ พระองค์จะแลดูอบอุ่นและเป็นความหวังของเหล่าผู้ป่วยทุก ๆ คน งานของเจ้าหญิงมีมากเสียจนเจ้าชายแทบจะไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าหญิงอย่างที่พระองค์ทรงตั้งใจเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เจ้าชายกลับรู้สึกว่า พระองค์ได้เห็นความงามที่แท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ในจิตใจของเจ้าหญิงพระองค์นี้อย่างยากที่จะลืมเลือนไปได้
ดังนั้นข้าก็อยากจะลองดูว่ามันจะเป็นอย่างไร...ข้าขอสาปให้นับแต่นี้เป็นต้นไป
อยากจะเขียนมันให้สวยงามให้เหมือนที่วาดฝันไว้ด้วยกัน
มีชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นที่ชื่นชมในหมู่เพื่อนกินว่าเป็นคนมือเติบ เขาใช้จ่ายเงินทอง...อ่านต่อ
"อาจใช่...มันเป็นความจริงที่ข้ากลัวว่าหากข้าทำให้เขาจำข้าและรักข้าได้ข้าจะต้องตายจากเขาไป"
และในครั้งนั้นยังมีแม่มดตนหนึ่งผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่าไม่มีสิ่งใดที่จะแน่นอนเท่าความไม่แน่นอน
นิทานบันทึกการอ่าน นิทานอ่านง่าย นิทานกล่อมน้อง
เช้าตรู่วันหนึ่ง หมาป่าหิวโซเดินด้อมๆ มองๆ อยู่รอบกระท่อมแถวชายหมู่บ้าน มันได้ยินเสียงเด็กร้องไห้อยู่ในบ้าน...อ่านต่อ
แต่ความฝันที่เคยสวยงามความรักเราวันนี้มันเลือนลาง
เขาจะไม่สามารถจำได้ว่าเคยรักเจ้า และตรงกันข้ามกับเจ้า
ท้ายที่สุด ตัวละครหลัก หรือ พระเอกนางเอกของเรื่อง จึงลงตัวที่ เจ้าหญิงขี้อาย นิทานรักของสองเรา (ที่ขี้อายจนไม่กล้าพูดไม่กล้าเผชิญหน้ากับเจ้าชาย) และเจ้าชายที่หูเพี้ยน ฟังอะไรก็เพี้ยนไปหมด